บทที่ 10 4.2 เรื่องวุ่นวายในตลาด
เพล้ง!!!
เสียงราวกับของตกกระทบกันบริเวณหน้าร้านขายยา จางอวิ๋นซีกับหรูหรงกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ภายนอก กำลังเห็นบุรุษสองถึงสามคนสวมผ้าโพกหัวเหมือนกับชาวอินเดียหรือชาวเปอร์เซีย ซึ่งตอนนี้ผลักหญิงชราผู้หนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกันล้มลงนอนกับพื้น นางกับหรูหรงช่วยเข้าไปพยุงหญิงชราผู้นั้นขึ้นมา
จางอวิ๋นซีถามอีกฝ่ายด้วยภาษาอังกฤษ
“ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะท่านป้า” จางอวิ๋นซีถามอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่นางกับหรูหรงกำลังช่วยพยุงอีกฝ่ายขึ้นมา แม้หรูหรงจะไม่เข้าใจกับท่าทีอันเปลี่ยนไปของเจ้านายตน แต่นางกลับมิได้คิดใส่ใจมาก การที่เจ้านายของนางแข็งแกร่งขึ้น เก่งมากขึ้นย่อมสามารถปกป้องตนเองจากการกลั่นแกล้งของสองแม่ลูกนั่นได้
“นางเกะกะขวางทางเดินของพวกข้า!” หนึ่งในชาวต่างชาติตะโกนเสียงดัง ทางด้านหานไท่หยางกับเฉินหรงที่ได้ยินเสียงตะโกนราวกับคนโมโห จึงควบม้าแอบมาดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นจางอวิ๋นซีกำลังยืนประจันหน้ากับชายกลุ่มนั้นอย่างไม่กลัวเกรง
จางอวิ๋นซีเปลี่ยนแปลงไปเยอะจนน่าสนใจจริงๆ
หรูหรงกับจางอวิ๋นซีช่วยกันพยุงร่างท้วมของหญิงชราขึ้นมาอย่างเบามือ ก่อนจะพานางไปนั่งพักที่แคร่ไม้ใหญ่
“พวกเจ้าเป็นต่างชาติต่างเมือง มาอาศัยค้าขายบนแผ่นดินผู้อื่น เหตุใดจึงทำกันเช่นนี้!” จางอวิ๋นซีถามด้วยความโกรธเป็นภาษาอังกฤษ แววตาของนางแข็งกร้าว
“สตรีนางนี้ เจ้าน่าสนใจดีเหลือเกิน พูดภาษาของพวกข้าเป็นด้วย ฮ่าๆ” หนึ่งในกลุ่มพ่อค้าจากเปอร์เซียเอ่ยอย่างชอบใจ เขาเดินเข้ามาประชิดตัวจางอวิ๋นซี ขณะที่อีกฝ่ายกำลังกระถดถอยหนี
“ต่างชาติเช่นพวกเจ้ามาอาศัยแผ่นดินผู้อื่นอยู่ ไม่คิดละอายหรือยำเกรงบ้างเลยรึ ที่ทำพฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้!” จางอวิ๋นซีถามขณะพยายามสงบสติอารมณ์ร้อนที่กำลังพุ่งพล่านในใจ
ฝ่ามือหยาบหนาของพ่อค้าชาวเปอร์เซียนั้นหมายจะสัมผัสใบหน้างดงามของจางอวิ๋นซี แต่นางกลับเบี่ยงตัวหลบได้ทัน
“ขอโทษนางเดี๋ยวนี้!” จางอวิ๋นซีสั่งเสียงแข็ง นางกำหมัดแน่นข่มกลั้นโทสะเอาไว้
“เจ้า!” พ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นหมดความอดทนกับจางอวิ๋นซีแล้ว หรูหรงร้องห้ามแต่อีกฝ่ายไม่สนใจเลยสักนิด
“ท่านอ๋อง เราเข้าไปห้ามดีหรือไม่พะยะค่ะ” เฉินหรงถามด้วยความกังวล จางอวิ๋นซีเป็นเพียงสตรี ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนนางก็ไม่อาจต่อสู้บุรุษพวกนั้นได้อยู่ดี แต่แทนที่หานไท่หยางจะเห็นด้วย เขากลับยกมือห้ามรอหยั่งเชิงก่อน
“หยั่งเชิงก่อนเถิด” หานไท่หยางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้ารังแกนาง แต่เจ้ากลับมิคิดขอโทษนางกระนั้นรึ?” จาง อวิ๋นซีเอ่ยเสียงดังด้วยความโกรธ
พ่อค้าชาวเปอร์เซียพร้อมด้วยพรรคพวกอีกสามคนล้อมนางเป็นวงกลมเอาไว้ ชายชาวเปอร์เซียที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับนางเดินเข้ามาเงื้อมือหมายจะตบสั่งสอนนาง แต่หรูหรงเข้ามากางแขนกั้นเอาไว้
“อย่านะ!” หรูหรงยืนกางแขนปกป้องเจ้านายตนเองเอาไว้ แต่จางอวิ๋นซีพาตัวเองกับหรูหรงหลบฝ่ามือที่กำลังฟาดลงมาที่พวกนาง พวกนางจึงรอดอย่าง
หวุดหวิด
“คุณหนูข้าเป็นบุตรสาวใต้เท้าจางกับฮูหยินเอก หากพวกเจ้าแตะต้องนาง พวกเจ้าไม่ได้ค้าขายอย่างสงบสุขแน่!” หรูหรงตะโกนตอบโต้พวกชาวเปอร์เซียเหล่านั้น
“เจ้า วันนี้ข้าต้องตบสั่งสอนความปากดีของเจ้า!” แต่ดูเหมือนว่าพ่อค้าชาวเปอร์เซียนายนั้นจะไม่ยอมรามือง่ายๆ หานไท่หยางเห็นสถานการณ์ที่เริ่มไม่ดีจึงควบม้าฝ่าเข้ามายืนขวางหน้าเอาไว้
กระบี่ของหานไท่หยางจ่อที่ลำคอของพ่อค้าผู้นั้นอย่างดุดัน
“ท่านอ๋อง” เฉินหรงที่ควบม้าตามมาติดๆ เอ่ย
“ที่นี่คือแคว้นหาน ฝ่าบาททรงเปิดนโยบายการค้าแบบเสรีกับพวกเจ้า แต่ก็ใช่ว่าพวกเจ้าจะมีสิทธิ์มารังแกประชาชนข้าได้ตามอำเภอใจ อยู่ที่นี่พวกเจ้าต้องเคารพกฎบ้านเมืองข้า หาใช่ประพฤติตนเยี่ยงบ้านป่าเมืองเถื่อน!” หานไท่หยางกล่าวเสียงดัง
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?!” พ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นถามเสียงดังเป็นภาษาอังกฤษ แต่หานไท่หยางฟังไม่เข้าใจ จางอวิ๋นซีที่ยืนนิ่งอยู่จึงแปลภาษาให้
“ท่านมีนามว่ากระไร” นางถามบุรุษที่ขี่ม้า
“ท่านผู้นี้คือหานอ๋องไท่หยาง พระโอรสในฮองเฮา” เฉินหรง กล่าวแนะนำเจ้านายของตนเองเสียงดัง พลันเสียงฮือฮาจากเหล่าชาวบ้านก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จางอวิ๋นซีจึงตอบชายพ่อค้าผู้นั้นเป็นภาษาอังกฤษไปว่า
“เขาคือโอรสในฮ่องเต้กับฮองเฮา หานไท่หยาง”
แค่เพียงได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด เหล่าชายพ่อค้าชาวเปอร์เซียผู้นั้นต่างรีบขออภัยต่อจางอวิ๋นซีและหญิงชราผู้นั้น ก่อนจะวิ่งหนีหายไป เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูต่างก็รีบสลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูผู้นี้คือท่านอ๋องไท่หยางเจ้าค่ะ...” หรูหรงกล่าว
แววตาโหดร้ายและเย็นชาของอ๋องไท่หยาง จางอวิ๋นซีนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงประกายบางอย่างที่ส่งมาถึงนางผ่านแววตาเย็นชาคู่นั้น แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงโปร่งกำยำ แต่ทว่าแววตาเย็นชาคู่นั้น ชวนให้
นางขนลุกขนพองไปทั้งร่างนัก
นี่น่ะหรือคืออ๋องที่เย็นชาและอำมหิต...
‘หานไท่หยาง’
